วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559

ไฮโดรควิโนน ขาวใสทันใจ จริงหรือไม่

   
ผลจากการใช้ hydroquinone

           ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ทำให้ผิวขาวนั้น  ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย บริษัทเครื่องสำอางจึงได้ทำการคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครีมที่ทำให้ผิวหน้าขาวใส  ในปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์เหล่านี้วางจำหน่ายอยู่มากมายในท้องตลาด ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์ก็มีส่วนประกอบของสารสำคัญที่ทำให้ผิวขาวแตกต่างกันไป





ไฮโดรควิโนน
     เป็นสารเคมีซึ่งเป็นที่นิยมในการนำมาเตรียมครีมที่ทำให้หน้าขาวในอดีต เนื่องจากเห็นผลได้เร็ว
 กลไก:  โดยการการยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง หรือที่เรียกว่า เมลานิน จึงมีผลทำให้ผิวขาวขึ้นได้
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน: 
·       ควรใช้กับผู้ที่มีปัญหาฝ้า หรือรอยด่างดำจากสิวที่รุนแรงและจะต้องมีเปอร์เซ็นต์ของตัวยาที่แน่นอนระบุอยู่
·       นอกจากนี้ควรใช้ในระยะเวลาที่จำกัด
·       ไม่ควรใช้นานเกินไป
·       ไม่ควรหยุดใช้ยาทันทีเนื่องจากอาจจะทำให้ผิวคล้ำลงกว่าเดิมได้จากการที่ผิวหนังเร่งผลิตเซลล์เม็ดสีมาทดแทน
        นอกจากนี้ไฮโดรควิโนนเป็นสารที่ทำปฏิกิริยากับแสงแดด ซึ่งหากทายาที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนแล้วไม่ทาครีมกันแดด ฝ้าจะดำกว่าเดิมได้

       ในปัจจุบันนี้ไฮโดรควิโนนได้ถูกสั่งห้ามใส่ในผลิตภัณฑ์ครื่องสำอางที่วางจำหน่ายทั่วไป อย่างไรก็ตามในคลินิกที่จ่ายยารักษาฝ้าโดยแพทย์ ยังสามารถจ่ายให้ผู้ป่วยได้ตามความเหมาะสมตามดุลยพินิจของแพทย์ 
      การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ เช่น การหาซื้อครีมทาฝ้ามาใช้เอง อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
     ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะผสมไฮโดรควิโนนในปริมาณสูงมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 3-5%[สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดให้ผสมสารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้าได้ไม่เกิน 2%]
     ผลข้างเคียงจากการ
·       อาการระคายเคืองต่อผิว 
·       เกิดจุดด่างขาวที่หน้า
·       ผิวหน้าดำเป็นฝ้าถาวรรักษาไม่หาย 
·       ทำให้เกิดโรคผิวหนังขึ้น 
·       เกิดตุ่มนูนสีดำบริเวณโหนกแก้มและสันจมูก ซึ่งเป็นบริเวณที่ทายาบ่อยๆหากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน กว่า 6 เดือน จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อภายในผิวหนังทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวรสีน้ำเงินอมดำได้ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ผิวหนังมีการปรับตัวให้สร้างเม็ดสีมากขึ้น
·       เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

ในส่วนของผู้บริโภคเองก็ควรต้องมีความใส่ใจในการเลือกซื้อเครื่องสำอางด้วย อย. ได้ระบุรายชื่อเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายไว้ในเว็ปไซท์ http://www.fda.moph.go.th/ซึ่งผู้บริโภคสามารถสืบค้นข้อมูลเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง

     อย. ได้ให้ข้อสังเกตว่าเครื่องสำอางที่พบสารอันตรายมักให้รายละเอียดบนฉลากไม่ครบถ้วน เช่น ไม่ระบุแหล่งผลิตครั้งที่ผลิต และวันเดือนปีที่ผลิต ในการเลือกซื้อผู้บริโภคจึงควรระมัดระวังและควรสังเกตฉลากเป็นลำดับแรก ฉลากที่ถูกต้องจะต้องเป็นภาษาไทยมีข้อความบังคับครบถ้วน ได้แก่ ชื่อและประเภทผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบ วิธีใช้ชื่อที่ตั้งแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต และปริมาณสุทธิการซื้อควรซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ไม่ควรซื้อเพราะคำโฆษณาเพียงอย่างเดียว

เลือกผลิตภัณฑ์ปลอดภัย กับ refreshbrand by เภสัชกรอธิราช
http://www.refreshbrands.org/

กลูต้าไธโอน (glutathione) กับกลไกผิวขาวใส

กลูตาไธโอน (glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ได้เอง
คุณสมบัติ:  เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกายด้วย

       ทางการแพทย์พบว่ามีการนำกลูตาไธโอนมาทดลองใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ซึ่งยังไม่ได้รับการอนุมัติ
ข้อบ่งใช้จากองค์การอาหารและยา
·       ภาวะเป็นหมันในเพศชาย
·       ปลายเส้นประสาทอักเสบ
·       มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก
วิธีการรักษา  มักทำโดยการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือเข้าที่กล้ามเนื้อ
ผลข้างเคียง: อย่างหนึ่งที่น่าแปลกใจ คือ ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฉีดกลูตาไธโอนนั้นมีสีผิวที่ขาวขึ้น
    เนื่องมาจากกลูตาไธโอนสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ได้ และส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว
      ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้พยายามนำผลข้างเคียงของยามาใช้ในการทำให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นการนำยามาใช้ในทางที่ผิดอีกรูปแบบหนึ่ง โดยในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่น่าเชื่อถือยืนยันหรือรับรองประสิทธิภาพและประโยชน์ของกลูตาไธโอนในการทำให้ผิวขาวได้อย่างแท้จริง จึงไม่น่าแปลกใจที่กลูตาไธโอนไม่ผ่านการรับรองข้อบ่งใช้โดยองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาสำหรับทำให้ผิวขาว

     
ผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอนที่พบในท้องตลาด
·       ยาเม็ด
·       ผงละลายน้ำสำหรับรับประทาน ซึ่ง กลูตาไธโอนนี้สามารถถูกทำลายได้ในทางเดินอาหารของมนุษย์

      ดังนั้นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการรับประทานกลูตาไธโอนในรูปแบบของยารับประทานนั้นแทบจะไม่มีเลย ที่ผ่านมาจึงพบว่ามีผู้พยายามนำกลูตาไธโอนในรูปแบบยาฉีดมาใช้แทนการรับประทานกันมากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่ากลูตาไธโอนชนิดฉีดนั้นมีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาวได้ดีกว่าและเห็นผลเร็วกว่ากลูตาไธโอนชนิดรับประทาน

      ประเด็นสำคัญของการใช้ยาฉีดกลูตาไธโอนโดยเฉพาะการฉีดเข้าหลอดเลือดดำนั้น คือ ความปลอดภัยจากการฉีดยา เนื่องจากผิวที่ขาวขึ้นจากกลูตาไธโอนนั้นเป็นผลข้างเคียงของยาที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น หากต้องการให้ผลคงอยู่ไปตลอดจำเป็นต้องได้รับการฉีดซ้ำเป็นระยะ ทำให้มีการสะสมยาในร่างกายมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวได้ นอกจากนี้การฉีดยาจำเป็นต้องกระทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพที่เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการให้ยา เช่น การฉีดยาในอัตราที่เร็วเกินไป การติดเชื้อในกระแสเลือดจากเครื่องมือที่ไม่สะอาด การเกิดฟองอากาศอุดตันหลอดเลือดเนื่องจากผู้ฉีดยาไล่ฟองอากาศในเข็มฉีดยาไม่หมด เป็นต้น ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อผู้ที่ได้รับยาจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว

      ถึงแม้ว่ากลูตาไธโอนเป็นสารที่ร่างกายสร้างได้เองตามธรรมชาติ แต่ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ กลูตาไธโอนชนิดฉีดหรือชนิดรับประทานเพื่อให้ผิวขาวใสนั้นยังไม่มีการพิสูจน์ผลที่ชัดเจน ความปลอดภัยในการใช้ยาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง และพึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่มียาชนิดใดในโลกที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์ ดังนั้นก่อนการใช้ยาใดๆ ก็ตามควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

บทความน่ารู้กับ refreshbrands by เภสัชกรอธิราช
http://www.refreshbrands.org/

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559

ชีวิตปลอดภัยห่างไกล เครื่องสำอางปรอท กับ refreshbrands

ปรอท




สารเคมีในเครื่องสำอาง
          สารปรอท   
         
 ปรอท ( Mercury) เป็นโลหะหนักสามารถหาปรอทได้จากหินที่ขุดพบในเหมือง โดย
การนำหินนั้นนั้นมาทำให้ร้อนด้วยอุณหภูมิ 357 องศาเซลเซียส
         ปรอทเป็นสารที่มีความหนาแน่นสูง ถึงขั้นที่ก้อนตะกั่วหรือเหล็กสามารถลอยอยู่ได้ ถึึงแม้ปรอทจะมีลักษณะคล้ายตะกั่วและเป็นของเหลว แต่ก็มีน้ำหนักมากกว่าตะกั่ว (มวลอะตอม 200.59)
ปรอทจะเป็นโลหะ แต่ก็ไม่ดึงดูดกับแม่เหล็ก เราสามารถนำปรอทมาใช้ในอุตสาหกรรมหลายๆ ประเภท ได้แก่
·         อุตสาหกรรมเครื่องวัดอุณหภูมิและความดัน
·         การย้อมสี
·         การผลิตเยื่อกระดาษ พลาสติก 
เภสัชภัณฑ์
·         อุปกรณ์ในการถ่ายรูป
·          อุปกรณ์ไฟฟ้า
·         สารฆ่าแมลงและยาฆ่าเชื้อ
    นอกจากนี้ เนื่องจากว่าปรอทมีจุดเดือดไม่สูงนัก จึงได้มีการทดลองนำ เมอคิวริคออกไซด์ มาผลิดเป็นออกซิเจนบริสุทธิ์อีกด้วย 
    ปรอทมักจะใช้ในการผลิตเคมีทางอุตสาหกรรม หรือในการประยุกต์ทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรอทใช้ในเทอร์มอมิเตอร์บางชนิด โดยเฉพาะที่ใช้วัดอุณหภูมิสูง
       
การใช้สารประกอบของปรอทที่สำคัญสองชนิด
·         ชนิดแรกคือ 3% mercuric iodine
·         ชนิดที่สอง 10% ammoniated mercury
       ทั้งสองชนิดเป็นสารปรอทชนิดอนินทรีย์ ซึ่งเมื่อรวมตัวกับ iodide หรือ chloride เกลือที่เกิดขึ้นจะถูกดูดซึมทางผิวหนังอย่างรวดเร็วและในปริมาณที่เป็นพิษได้ ในกรณีที่สารปรอทกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นสาร methyl mercury สารนี้มีความเป็นพิษสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษต่อระบบประสาทและพิษต่อไต ในบางรายเกิดปัญหาผิวหนังอักเสบอย่างรุนแรง บางรายเกิดปัญหาสิวเห่อ ผิวหนังยุบเป็นร่องรอยบนผิวหนัง ผิวด่าง-ดำ
ปรอทแอมโมเนีย เคยเป็นที่นิยมใช้กันมาก เช่นเดียวกับไฮโดรควิโนน
 ในครีมป้องกันฝ้าเรียกว่า ครีมไข่มุก โดยใช้ในอัตราส่วนไม่เกิดร้อยละ 3.0
ปรอทแอมโมเนียรบกวน  เอนไซม์ไทโรซิเนส โดยรวมตัวกับโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ หรือโดยการจับกับไอออนทองแดงที่มีอยู่ในเอนไซม์ ทำให้ลดการสร้างเมลานิน
ประโยชน์ของปรอท
-
ใช้ในการทำเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เช่น เทอร์โมมิเตอร์ บารอมิเตอร์ ปั๊มดูดอากาศ และเครื่องมือที่ใช้วัด ความดันโลหิต
-
ใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า เช่น สวิตช์อัตโนมัติสำหรับตู้เย็นและไฟฟ้ากระแสตรง
-
สารประกอบของปรอทใช้ในการทำวัตถุระเบิด
-
ซัลไฟด์ของปรอทใช้ทำสีแดงในอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผา
-
ออกไซด์ของปรอทใช้ในการทำสี เพื่อป้องกันมิให้แตกและลอกง่ายสำหรับนำไปใช้ทาใต้ท้องเรือ
-
ปรอทเป็นตัวทำละลายที่ดีสำหรับโลหะบางชนิด สารละลายที่ได้เรียกว่า อะมาลกัม ดีบุกอะมาลกัมใช้ในการทำกระจกเงา เงิน-ดีบุกอะมาลกัมใช้เป็นวัสดุในการอุดฟัน โดยผสมปรอทกับโลหะผสมระหว่างเงินกับดีบุก
-
ใช้ในอุตสาหกรรมทำหมวกสักหลาด
โทษเกิดจากปรอท
การเกิดพิษจากสารปรอทมีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง พิษชนิดเฉียบพลันมักเกิดจากอุบัติเหตุโดยการกลืนกินสารปรอทเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งปริมาณปกติที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและทำให้คนตายได้ โดยเฉลี่ยประมาณ 0.02 กรัม อาการที่เกิดจากการกลืนกินปรอท คือ
-
อาเจียน ปากพอง แดงไหม้ อักเสบและเนื้อเยื่ออาจหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ
-
เลือดออก ปวดท้องอย่างแรง เนื่องจากปรอทกัดระบบทางเดินอาหาร
-
มีอาการท้องร่วงอย่างแรง อุจจาระเป็นเลือด
-
เป็นลม สลบเนื่องจากร่างกายเสียเลือดมาก
-
เมื่อเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ปรอทจะไปทำลายไต ทำให้ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด
-
ตายในที่สุด
          การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี่สวนผสมของปรอทแอมโมเนีย
·         ทำให้มีการสะสมปรอทในผิวหนัง และดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต
·         ทำให้ตับ และไตพิการ
·         โรคโลหิตจาง เป็นต้น
·          ปรอทแอมโมเนียถูกกำหนดเป็นสารห้ามในเครื่องสำอางตั้งแต่ พ.ศ. 2532 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 37 พ.ศ. 2532 ออกตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2517 และยังคงห้ามใช้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 9 พ.ศ. 2536 ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535 

อันตรายไม่เกิดหากใช้เครื่องสำอางที่ผ่านการจดแจ้งถูกต้อง  จากกระทรวงสาธารณสุขแล้วเท่านั้นนะครับ

ชีวิตปลอดภัย ไปกับ refreshbrand by เภสัชกร อธิราช

http://www.refreshbrands.org/

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2559

ขาวง่ายๆกับของกินภายในบ้าน

มะขาม

สรรพคุณ
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันอาการอักเสบ ชะลอความแก่ ต้านริ้วรอยแห่งวัย เสริมความยืดหยุ่นของผิว สมานและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของผิวหนังด้วยการยับยั้งการระคายเคือง รักษาเชื้อราบนผิวหนัง ในมะขามจะพบ AHA และ Vitamin C ในปริมาณมาก จึงช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อสภาพและบำรุงผิวให้กระจ่างใส



รายละเอียด
          สารสกัดมะขาม ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมแล้วอย่างอ่อนโยน ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ทั้งยังมีคุณสมบัติ เป็นแอนตี้เซพติก สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราช่วยป้องกันการเกิดสิวอักเสบ ช่วยบำรุงผิวหน้าให้ขาว ใสอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยลดความมันบนใบหน้า ป้องกันความแห้งกร้าน ช่วยลดรอยคล้ำจากแสงแดด ทำให้ผิวหน้านุ่มนวลขาวใส นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย


          เนื้อในฝักมะขามที่แก่จัดเรียกว่า มะขามเปียก มะขามที่ใช้เป็นยาใช้มะขามชนิดเปรี้ยว เพราะมีกรดอินทรีย์ประกอบด้วยหลายตัวด้วยกัน เช่น กรดทาร์ทาร์ริค กรดซิตริค  กรดมาลิค เป็นต้น มีคุณสมบัติชำระล้างความสกปรกรูขุมขน คราบไขมันบนผิวหนังได้ดี ทำให้ออกฤทธิ์ระบายลดความร้อนของร่างกายลงได้  โดยเฉพาะกรดมาลิค ที่เป็นกรดผลไม้หรือ AHAs ที่มีประสิทธิภาพ ในการรักษาผิวหน้าหลายประการ เช่น ช่วยทำให้มีการหลุดลอกของผิวชั้นนอก และกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ ทำให้ผิวหนังอ่อนวัยอยู่เสมอลบรอยเหี่ยวย่น ให้ความยืดหยุ่นของผิวหนัง ในชั้นผิวหนังแท้ดีขึ้น  นอกจากนี้สารที่พบที่เมล็ด คือ tannin มีฤทธิ์ฝาดสมาน ใช้แก้อาการท้องเสีย





          เมื่อ 40 ปี ที่ผ่านมามีการนำสารพวก แอลฟาไฮรอกซี่แอซิด (Alpha Hydroxy Acids; AHAs) หรือ กรดผลไม้มาใช้ สารดังกล่าวมีผลดีต่อผิวหน้าหลายประการ จนมีการกล่าวว่ากรดผลไม้เป็น สารต่อต้านความชราของผิวหนังที่ดีโดยมีผลค้างเคียงน้อย


          โดยกรดผลไม้ คือ กรดที่ได้จากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว พบมากในมะขาม แอปเปิ้ล และ ส้ม คนไทยมี การใช้กรดผลไม้กันมานาน ในสมัยก่อนจะไม่ใช้สบู่ แต่ใช้มะขามถูตัวแทนและอาจหมักตัวด้วย ขมิ้นก่อน กรดผลไม้ในมะขาม จึงถือเป็นกรดผลไม้ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาดีมากในอันดับต้นๆ

ของง่ายๆ ที่หาในบ้านที่ทำให้คุณขาวขึ้นกระจ่างใสแบบมี ออร่าเป็นธรรมชาติ


เคล็ดลับดีๆ กับ REFRESHBRAND BY เภสัชกรอธิราช
http://www.refreshbrands.or