ปรอท |
สารเคมีในเครื่องสำอาง
สารปรอท
ปรอท ( Mercury) เป็นโลหะหนักสามารถหาปรอทได้จากหินที่ขุดพบในเหมือง โดย
การนำหินนั้นนั้นมาทำให้ร้อนด้วยอุณหภูมิ 357 องศาเซลเซียส
ปรอท ( Mercury) เป็นโลหะหนักสามารถหาปรอทได้จากหินที่ขุดพบในเหมือง โดย
การนำหินนั้นนั้นมาทำให้ร้อนด้วยอุณหภูมิ 357 องศาเซลเซียส
ปรอทเป็นสารที่มีความหนาแน่นสูง
ถึงขั้นที่ก้อนตะกั่วหรือเหล็กสามารถลอยอยู่ได้
ถึึงแม้ปรอทจะมีลักษณะคล้ายตะกั่วและเป็นของเหลว แต่ก็มีน้ำหนักมากกว่าตะกั่ว
(มวลอะตอม 200.59)
ปรอทจะเป็นโลหะ
แต่ก็ไม่ดึงดูดกับแม่เหล็ก เราสามารถนำปรอทมาใช้ในอุตสาหกรรมหลายๆ ประเภท ได้แก่
·
อุตสาหกรรมเครื่องวัดอุณหภูมิและความดัน
·
การย้อมสี
·
การผลิตเยื่อกระดาษ
พลาสติก
เภสัชภัณฑ์
เภสัชภัณฑ์
·
อุปกรณ์ในการถ่ายรูป
·
อุปกรณ์ไฟฟ้า
·
สารฆ่าแมลงและยาฆ่าเชื้อ
นอกจากนี้ เนื่องจากว่าปรอทมีจุดเดือดไม่สูงนัก
จึงได้มีการทดลองนำ เมอคิวริคออกไซด์ มาผลิดเป็นออกซิเจนบริสุทธิ์อีกด้วย
ปรอทมักจะใช้ในการผลิตเคมีทางอุตสาหกรรม
หรือในการประยุกต์ทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรอทใช้ในเทอร์มอมิเตอร์บางชนิด
โดยเฉพาะที่ใช้วัดอุณหภูมิสูง
การใช้สารประกอบของปรอทที่สำคัญสองชนิด
·
ชนิดแรกคือ 3% mercuric iodine
·
ชนิดที่สอง 10% ammoniated mercury
ทั้งสองชนิดเป็นสารปรอทชนิดอนินทรีย์
ซึ่งเมื่อรวมตัวกับ iodide หรือ
chloride เกลือที่เกิดขึ้นจะถูกดูดซึมทางผิวหนังอย่างรวดเร็วและในปริมาณที่เป็นพิษได้
ในกรณีที่สารปรอทกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นสาร methyl mercury สารนี้มีความเป็นพิษสูงมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษต่อระบบประสาทและพิษต่อไต
ในบางรายเกิดปัญหาผิวหนังอักเสบอย่างรุนแรง บางรายเกิดปัญหาสิวเห่อ
ผิวหนังยุบเป็นร่องรอยบนผิวหนัง ผิวด่าง-ดำ
ปรอทแอมโมเนีย เคยเป็นที่นิยมใช้กันมาก
เช่นเดียวกับไฮโดรควิโนน
ในครีมป้องกันฝ้าเรียกว่า
ครีมไข่มุก โดยใช้ในอัตราส่วนไม่เกิดร้อยละ 3.0
ปรอทแอมโมเนียรบกวน เอนไซม์ไทโรซิเนส
โดยรวมตัวกับโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์
หรือโดยการจับกับไอออนทองแดงที่มีอยู่ในเอนไซม์ ทำให้ลดการสร้างเมลานิน
ประโยชน์ของปรอท
- ใช้ในการทำเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เช่น เทอร์โมมิเตอร์ บารอมิเตอร์ ปั๊มดูดอากาศ และเครื่องมือที่ใช้วัด ความดันโลหิต
- ใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า เช่น สวิตช์อัตโนมัติสำหรับตู้เย็นและไฟฟ้ากระแสตรง
- สารประกอบของปรอทใช้ในการทำวัตถุระเบิด
- ซัลไฟด์ของปรอทใช้ทำสีแดงในอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผา
- ออกไซด์ของปรอทใช้ในการทำสี เพื่อป้องกันมิให้แตกและลอกง่ายสำหรับนำไปใช้ทาใต้ท้องเรือ
- ปรอทเป็นตัวทำละลายที่ดีสำหรับโลหะบางชนิด สารละลายที่ได้เรียกว่า อะมาลกัม ดีบุกอะมาลกัมใช้ในการทำกระจกเงา เงิน-ดีบุกอะมาลกัมใช้เป็นวัสดุในการอุดฟัน โดยผสมปรอทกับโลหะผสมระหว่างเงินกับดีบุก
- ใช้ในอุตสาหกรรมทำหมวกสักหลาด
- ใช้ในการทำเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เช่น เทอร์โมมิเตอร์ บารอมิเตอร์ ปั๊มดูดอากาศ และเครื่องมือที่ใช้วัด ความดันโลหิต
- ใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า เช่น สวิตช์อัตโนมัติสำหรับตู้เย็นและไฟฟ้ากระแสตรง
- สารประกอบของปรอทใช้ในการทำวัตถุระเบิด
- ซัลไฟด์ของปรอทใช้ทำสีแดงในอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผา
- ออกไซด์ของปรอทใช้ในการทำสี เพื่อป้องกันมิให้แตกและลอกง่ายสำหรับนำไปใช้ทาใต้ท้องเรือ
- ปรอทเป็นตัวทำละลายที่ดีสำหรับโลหะบางชนิด สารละลายที่ได้เรียกว่า อะมาลกัม ดีบุกอะมาลกัมใช้ในการทำกระจกเงา เงิน-ดีบุกอะมาลกัมใช้เป็นวัสดุในการอุดฟัน โดยผสมปรอทกับโลหะผสมระหว่างเงินกับดีบุก
- ใช้ในอุตสาหกรรมทำหมวกสักหลาด
โทษเกิดจากปรอท
การเกิดพิษจากสารปรอทมีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง พิษชนิดเฉียบพลันมักเกิดจากอุบัติเหตุโดยการกลืนกินสารปรอทเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งปริมาณปกติที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและทำให้คนตายได้ โดยเฉลี่ยประมาณ 0.02 กรัม อาการที่เกิดจากการกลืนกินปรอท คือ
-อาเจียน ปากพอง แดงไหม้ อักเสบและเนื้อเยื่ออาจหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ
-เลือดออก ปวดท้องอย่างแรง เนื่องจากปรอทกัดระบบทางเดินอาหาร
-มีอาการท้องร่วงอย่างแรง อุจจาระเป็นเลือด
-เป็นลม สลบเนื่องจากร่างกายเสียเลือดมาก
-เมื่อเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ปรอทจะไปทำลายไต ทำให้ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด
-ตายในที่สุด
การเกิดพิษจากสารปรอทมีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง พิษชนิดเฉียบพลันมักเกิดจากอุบัติเหตุโดยการกลืนกินสารปรอทเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งปริมาณปกติที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและทำให้คนตายได้ โดยเฉลี่ยประมาณ 0.02 กรัม อาการที่เกิดจากการกลืนกินปรอท คือ
-อาเจียน ปากพอง แดงไหม้ อักเสบและเนื้อเยื่ออาจหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ
-เลือดออก ปวดท้องอย่างแรง เนื่องจากปรอทกัดระบบทางเดินอาหาร
-มีอาการท้องร่วงอย่างแรง อุจจาระเป็นเลือด
-เป็นลม สลบเนื่องจากร่างกายเสียเลือดมาก
-เมื่อเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ปรอทจะไปทำลายไต ทำให้ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด
-ตายในที่สุด
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี่สวนผสมของปรอทแอมโมเนีย
·
ทำให้มีการสะสมปรอทในผิวหนัง
และดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต
·
ทำให้ตับ และไตพิการ
·
โรคโลหิตจาง เป็นต้น
·
ปรอทแอมโมเนียถูกกำหนดเป็นสารห้ามในเครื่องสำอางตั้งแต่
พ.ศ. 2532 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 37 พ.ศ. 2532 ออกตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2517 และยังคงห้ามใช้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 9 พ.ศ. 2536 ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535
อันตรายไม่เกิดหากใช้เครื่องสำอางที่ผ่านการจดแจ้งถูกต้อง จากกระทรวงสาธารณสุขแล้วเท่านั้นนะครับ
ชีวิตปลอดภัย ไปกับ refreshbrand by เภสัชกร อธิราช
http://www.refreshbrands.org/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น